Intel มีแผนพัฒนาพอร์ต Thunderbolt ของ Ultrabook ในปี 2012 เพื่อเชื่อมต่อเป็น Docking


เชื่อได้ว่าในส่วนของ Ultrabook คงมีการพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุดจากแหล่งข่าวต่างประเทศได้เปิดเผยถึงเอกสารเกี่ยวกับที่ Intel มีแผนพัฒนาพอร์ตเชื่อมต่อความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt ในส่วนของ Ultrabook รุ่นใหม่ๆ ที่จะออกมาในปี 2012 เพื่อใช้เป็นช่องทางในการแปลงเป็น Docking ในการทำหน้าที่ส่งข้อมูลความเร็วสูง ที่เรียกได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Ultrabook ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อที่มีอยู่น้อยและการ์ดจอ Intel ออนบอร์ดที่ไม่แรงมากนัก
โดยการเชื่อมต่อระหว่าง Ultrabook และ Docking นั้นจะอาศัยการเชื่อมต่อทางด้านข้างของเครื่อง อย่างที่เราคงได้เห็นกันไปแล้วบ้างในโน้ตบุ๊กระดับสูงกับ Sony Vaio Z ทีใช้พอร์ต Thunderbolt เป็นตัวเชื่อมต่อ ที่หลักๆ แล้วสาเหตุการที่เลือกใช้ Thunderbolt แทนที่จะเป็น USB 3.0 ก็คือ Thunderbolt มีความสามารถในการส่งข้อมูลที่เหนือกว่า ทั้งในการของการแสดงผลทาง DisplayPort และโอนถ่ายข้อมูลผ่าน PCI Express ด้วยการที่มันมีคอนโทรลเลอร์ในตัวสาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ซีพียูในการประมวลผลขณะที่ส่งข้อมูล อย่างที่ USB 3.0 เป็นอยู่
ทำให้มีความเป็นได้หาก Intel สนับสนุน Docking ที่จะเกิดขึ้นใน Ultrabook อย่างจริงจังแล้วล่ะก็ ในอนาคตจะต้องได้รับความแพร่หลายและราคาจะต้องถูกลง รวมไปถึง Docking จะต้องใช้ร่วมกันหลายแบรนด์ได้อย่างแน่นอน
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในส่วนของ Thunderbolt คือ ขณะนี้ยังเป็นเพียงเทคโนโลยีของ Intel เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าผู้ผลิตโน้ตบุ๊กต้องยอมจ่ายค่าชิปและสิทธิบัตรในการใช้เทคโนโลยีนี้ (อาจจะส่งผลให้ Ultrabook ราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก) ซึ่งถ้าเทียบกับ USB 3.0 ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการผลิตเลย นอกเหนือจากค่าอุปกรณ์ เรียกได้ว่าถ้า Intel อยากให้เกิดจริงๆ กับ Docking - Thunderbolt คงต้องมีข้อตกลงอะไรซักอย่างกับทางผู้ผลิตที่ต้องได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ 
หรือเพื่อนๆ คิดเห็นว่าเป็นยังไงกัน กับแนวทาง Intel นี้ :D  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

microUSB 3.0 จะใช้บนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตปลายปีนี้: ส่งข้อมูลเร็วขึ้น ชาร์จไวขึ้น

เผยภาพแรก BlackBerry London รัน BB10 จากสไลด์: เปลี่ยนอินเทอร์เฟซยกชุด

RIM เผยสถิติ BlackBerry App World: โหลด 6 ล้านครั้งต่อวัน ทำเงินให้นักพัฒนาได้มากกว่า Android