Aobcoopy

ช่วงที่ผ่านมา มีข่าวออกมาค่อนข้างหนาหูว่า Google จับมือกับ ASUS ทำแท็บเล็ตในตระกูล Nexus ซึ่ง concept ก็เหมือนกับเหล่าสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus นั่นคือใช่เป็นเครื่องมาตรฐานสำหรับตลาดแท็บเล็ต โดยจะเป็นเครื่องที่ pure Google จริงๆ แต่เท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีข่าวคราวเพิ่มเติมว่าไปถึงไหนแล้วซักที ล่าสุดมีการรายงานออกมาจาก The Wall Street Journal ว่า Google จะทำการจำหน่ายแท็บเล็ต Nexus นี้ด้วยตนเอง โดยการตั้งร้านขายแบบออนไลน์ ซึ่งจะทำให้ Google สามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือแบรนด์ใดๆ เหมือนกับในสมาร์ทโฟน Nexus ที่ต้องไปขายผ่านทางแบรนด์อื่นๆ และอีกหนึ่งจุดประสงค์ที่มีการรายงานออกมาก็คือ Google ต้องการจะทำราคาของตัวแท็บเล็ต Nexus นี้ให้ต่ำลง เพื่อจะได้สู้กับ Amazon Kindle Fire ได้อย่างสูสี เพราะว่าถ้าขายผ่านทางแบรนด์อื่น รับรองว่าราคามีบวกเข้าไปอีกแน่ๆ ซึ่งโมดูลการขายสินค้าด้วยตนเองแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่า Google เห็นข้อดีที่ Apple ขาย iPad ด้วยตนเอง (ทำเองขายเอง) แล้วพบว่าประสบความสำเร็จ ต่างจากแท็บเล็ต Android ที่ถึงแม้ตนจะเป็นผู้สร้าง Android เอง แต่ก็ไปขายในนามแบร

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Google จะเปิดบริการ Google Drive ที่เป็นที่เก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฒเหมือนกับ Dropbox หรือ iCloud เเต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีโครงการ Google Drive พัฒนาอยู่นอกจากคำพูดลอยๆ เเต่คราวนี้มีรูปหน้าเว็บไซต์พร้อมไอคอนของ Google Drive ออกมาให้เห็นเเล้ว โดย Google Drive จะมีความจุ 5 GB โดยมีลักษณะเป็น client ที่อยู่ได้หลายระบบปฏิบัติการณ์ ที่เเน่นอนตอนนี้คือสนับสนุน Windows เเละ มีความจุเริ่มต้นที่ 5 GB โดยไม่เเน่ว่าเมื่อออกมาจริงจะสนับสนุนเเพลตฟอร์มหลักๆ ทั้งหมดคือ Mac, Windows, iOS, Android ก็เป็นไปได้ เเต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Google Drive มีความสามารถเก็บค่า Setting ของเเอพหรือเเบคอัพเซฟของเกมต่างๆ บน Android ได้เหมือน iCloud หรือไม่ เเต่ค่อนข้างเเน่ใจเเล้วว่ามีลักษณะบริการที่คล้ายๆ Dropbox คือเก็บไฟล์ไว้บนอินเตอร์เน็ตเเละซิงค์เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นพีซี โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน เเละเเท็บเล็ต

RIM ประกาศผลประกอบการไตรมาสสี่ของปี 2012 ที่ผ่านมา โดยรวมเเล้วมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่เเล้ว 25 รวมจากรายได้เเละรายจ่ายเเล้วขาดทุนสุทธิ 125 ล้านดอลลาร์ โดยส่งมอบมือถือไปทั้งหมด 11.1 ล้านเครื่องเเละเเท็บเล็ต 500,000 เครื่อง หลังจากการประกาศผลประกอบการเเล้ว ผู้นำระดับสูงสามคนได้ลาออกคือ Jim Balsillie อดีตซีอีโอเเละผู้ก่อนตั้ง RIM David Yach ซีทีโอ ประธานฝ่ายเทคโนโลยี เเละJim Rowan ซีโอโอ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ โดยซีอีโอคนปัจจุบัน Thorsten Heins ที่มาดำรงตำเเหน่งเเทนซีอีโอร่วม Jim Balsillie เเละ Mike Lazaridis โดยเขาบอกว่ายังคงมีโอกาสในการพลิกฟื้นกิจการอยู่ เเต่ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลดังนั้นผลประกอบการในไตรมาสถัดๆ ไปนั้นจะยังคงไม่ดีมากนัก เเละยอมรับว่า RIM ไม่เหมาะสมกับตลาด Mass โดยจะโฟกัสไปตลาดที่ RIM ถนัดเหมือนเคย เเละ BlackBerry 10 นั้นยังคงเป็นกุญเเจสำคัญที่จะพลิกโอกาสของบริษัทได้ นอกจากนี้เเล้วเขายังบอกว่า RIM นั้นมีโครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนมากเกินเเละมีเเผนที่จะปรับโครงสร้างองค์กรในเร็วๆ นี้ เเละยังหาทางเลือกอื่นๆ ในการสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่บริษัทมี เ

หลังจากข่าวคราวเงียบหายไปนาน สำหรับบริการ Google Drive บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ (cloud storage) ที่เคยมีข่าวคราวมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก เพราะในช่วงนั้นผู้คนยังไม่นิยมเก็บข้อมูลลงพื้นที่ออนไลน์ ล่าสุดได้มีข่าวลือมาจาก The Wall Street Journal ว่า Google เตรียมเปิด Google Drive ให้ใช้งานได้ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ โดยแหล่งข่าวให้ข้อมูลมาว่า Google จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลให้ 1 GB ฟรีๆ ส่วนถ้าใครต้องการพื้นที่เพิ่มก็คงจะต้องจ่ายเพิ่ม แต่ดูแล้วน่าจะมาแย่งเจ้าตลาดเดิมอย่าง Dropbox ยากซักหน่อย เพราะตัว Dropbox นั้นเริ่มต้นมาก็ให้พื้นที่มา 2 GB แล้ว แต่จุดที่น่าจะทำให้ได้เปรียบผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลหลายๆราย ก็คือ Google จะมีตัวโปรแกรมส่วน client (ส่วนที่ใช้งานบนคอมพิวเตอร์) ทำให้สามารถโยนหรือลากไฟล์จากพื้นที่ Google Drive ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ Google ยังจะเปิด API ให้โปรแกรมอื่นๆสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ด้วย ตาม concept ของ Google ที่ต้องการให้มีการแชร์ข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ก็หวังว่า Google Drive จะมาในต้นเดือนเมษายนนี้จริงๆนะ

Mozilla ได้ทำการเปิดตัวเกม BrowserQuest ซึ่งเป็นเกม RPG หรือ เกมภาษาเเบบสองมิติเหมือนกับ ยุคช่วง 80-90 อย่าง Zelda หรือ Pocket Monster เเต่ความพิเศษของมันคือถูกสร้างด้วย HTML5 ทั้งหมด ทำให้สามรถเล่นบน Browser ที่รองรับ HTML5 ได้อย่าง Chrome, Firefox รวมไปถึง Safari บน iPhone, iPad เเละ Browser บน Android ด้วย กว่าจะมาเป็นเกมนี้ต้องใช้เทคโนโลยีของ HTML5 ชุดใหม่หลายอย่าง รวมไปถึง Websockets ที่ทำให้ Browser สามารถสื่อสารโต้ตอบกับเซิฟเวอร์ด้วยเหตุการณ์เเบบเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้ ซึ่งมีความสามารถพอที่จะสร้างเกมได้ด้วยเทคโนโลยี HTML5 เพียงอย่างเดียว ใครอยากลองก็สามารถไปที่ลิงค์  http://browserquest.mozilla.org/ ลองเล่นดูได้ครับ

ถึงแม้ว่าตัวเครื่อง BlackBerry จะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ทาง RIM ก็ยังมีนวัตกรรมออกมาให้น่าสนใจกันได้อยู่ โดยล่าสุดได้มีการเปิดเผยสิทธิบัตรที่ RIM ยื่นขอจดไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2007 ที่เพิ่งจะได้รับการอนุมัติจดทะเบียนไปเมื่อวานนี้เอง ซึ่งสิทธิบัตรนี้กล่าวถึงเทคโนโลยี เซ็นเซอร์ปรับความดังเสียงการสนทนา โดยวัดจากระยะห่างของเครื่องและหูของผู้ใช้  ซึ่งหลักการทำงานของมันแบบง่ายๆก็คือเมื่อเรานำเครื่องห่างจากหูเรามากเท่าไร เสียงสนทนาที่ออกจากลำโพงก็จะยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ พอนำเครื่องเข้าใกล้หูมากขึ้น เสียงก็จะเบาลงอยู่ในระดับที่พอดีๆ โดยตัวเซ็นเซอร์ที่ใช้ตรวจจับนั้น ตามในเอกสารสิทธิบัตรกล่าวไว้แต่เพียงว่าเป็นเซ็นเซอร์จับสัมผัสเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น จึงน่าสงสัยว่าจะจับระยะห่างระหว่างใบหูกับตัวเครื่องได้อย่างไร ทั้งนี้คงต้องรอดูกันต่อไปละนะ

มีแววว่าวงการระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาอาจจะได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกทางแล้ว เนื่องด้วยมีรายงานออกมาว่าสามารถรัน Chrome OS ที่เป็นของ Google บนเครื่องที่ใช้ชิป Samsung Exynos 5250 ที่เป็นสถาปัตยกรรม ARM Cortex-A15 ได้แล้ว หลังจากที่ตัว Chrome OS ก่อนหน้านี้ ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนชิป x86 เช่นพวก Intel Atom เท่านั้น ทำให้เป็นประเด็นน่าสนใจขึ้นมาว่า Google จะนำ Chrome OS เข้าสู่สมรภูมิแท็บเล็ต/สมาร์ทโฟนด้วยหรือไม่ เนื่องด้วยตัวชิป Exynos 5250 นั้น Samsung ตั้งเป้าจะให้เป็นชิป ARM Cortex-A15 รุ่นแรกที่ลงมาอยู่ในแท็บเล็ตก่อน จากนั้นจึงจะทยอยนำรุ่นอื่นลงมาสมาร์ทโฟนในภายหลัง โดยตัวของ Samsung Exynos 5250 นั้นจะมาพร้อมกับคอร์ประมวลผลจำนวน 2 คอร์ ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 32 นาโนเมตร ความเร็วในการประมวลผลสูงถึง 2 GHz (แรงกว่าคอมหลายๆเครื่องอีกนะ) ส่วนของ GPU นั้นก็มีคอร์ประมวลผลกราฟิกมา 4 คอร์ ด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าเพียงพอต่อการรัน Chrome OS ได้อย่างสบายๆ แต่ก็น่าสงสัยว่า Google จะนำ Chrome OS ลงมาแข่งในตลาดเดียวกับ Android ของตนจริงๆหรือไม่ หรือจะแบ่งส่วนตลาดอย่างไร อันนี้ก็คง

ในงาน Commart Thailand 2012 ครั้งนี้มีความพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ ที่มี Rovio ผู้สร้าง Angry Birds มาเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย (ผู้จัดงานเค้าบอกมาเเบบนั้น) เเต่เมื่อไปดูในงานก็พบสินค้าเกี่ยวกับ Angry Birds พอสมควรทีเดียว เเต่มีอะไรบ้างลองไปดูกันครับ พิกัดเเรกนั้นอยู่ที่โซน C ชั้นล่าง (ติดกับฟูดคอร์ท) เดินไปท้ายๆ จะเห็นร้านที่ขาย Flash Drive ลาย Angry Birds มีลายให้เลือก 8 ลาย สองความจุ 4 GB กับ 8GB ราคา 259 เเละ 450 บาทตามลำดับ ♥ วัสดุจะเป็นเเบบยางนะ สีสด สมจริงไม่ดูเป็นของก็อป ส่วนอีกที่นั้นอยู่บริเวณโซน C เช่นเดียวกัน เเต่อยู่ชั้นสอง อยู่บริเวณบันไดกลาง มีของเล่นเกี่ยวกับ Angry Birds มาให้เล่นมากมายก่ายกอง ชิ้นเเรก น่าจะเรียกว่าเป็นหมอนหนุนได้ (ละมั้ง) ราคา 395 หัวเป็น Angry Birds ด้านล่างเป็นขนนิ้มๆ สีตามนกหรือหมูบนหัว ต่อมาเป็นกระเป๋าสะพายข้าง (Tote Bag) ลาย Angry Birds มีสามลาย นกเเดง นกดำ เเละหมูเขียง ราคา 395 บาท ถือว่าไม่เเพง เเต่อย่าคิดเอามาใส่อะไรเยอะๆ เพราะถุงมันไม่ได้จุอะไรมากขนาดนั้น คุณภาพตามราคา เทียบกับคุณภาพงานเเล้วถือว่าไม่เเพง ด้านในมีซิปเก็บ 1 ช่อ

สำหรับงาน Commart Thailand 2012 ครั้งนี้ก็ยังคงมีสมาร์โฟน เเท็บเล็ต เเละโปรโมชันของอุปกรณ์เสริมต่างๆ มากมาย ที่ดูน่าสนใจจะเป็นของ Acer ที่ลดราคามาค่อนข้างมากหลายรุ่น รวมไปถึง Huawei ด้วย นอกจากนี้ Banana IT ก็ยังทำการลดราคามือถืออีกหลายตัวรวมไปถึง iPad รุ่นเเรกในราคาน่าคบหาอย่างมาก เรียกว่าเป็นงานหนึ่งที่จัดโปรโมชันดีเเละคุ้มค่าที่จะมาครับ Acer Banana IT, Apple Huawei Samsung YooBao, Jabra, Gear4

ในงาน Commart Thailand 202 นั้นมีโอเปอเรเตอร์ทั้ง dtac, truemove, เเละ dtac เเต่สำหรับงานเที่ยวนี้นั้น dtac ได้ออกมาจัดโปรโมชั่นลดราคาเครื่องที่เรียกว่าน่าสนใจเลยทีเดียว โดยไม่จำกัดเฉพาะเครื่องใหม่พร้อมเเพคเกจ เเต่สามารถซื้อเครื่องใหม่ไปได้ในราคาพิเศษอีกด้วย โดยเครื่องที่ลดราคามีดังนี้ BlackBerry Bold 9700 ปกติราคา 15,900 บาท ราคาเครื่องเปล่า 8,500 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 7,500 บาท BlackBerry Bold 9860 ปกติราคา 15,990 บาท ราคาเครื่องเปล่า 14,000 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 12,990 บาท BlackBerry Bold 9810 ปกติราคา 17,900 บาท ราคาเครื่องเปล่า 15,000 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 13,500 บาท BlackBerry Bold 9800 ปกติราคา 15,900 บาท ราคาเครื่องเปล่า 13,000 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 12,000 บาท HTC Desire S ปกติราคา 15,000 บาท ราคาเครื่องเปล่า 10,000 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 9,000 บาท HTC HD7 ปกติราคา 18,900 บาท ราคาเครื่องเปล่า 7,000 บาท ราคาเครื่องพร้อมเเพคเกจ 8,000 บาท HTC Sensation ปกติราคา 18,900 บาท ราคาเครื่องเปล่า 15,500 บาท ราคาเค

ถ้าใครติดตามข่าวเกี่ยวกับตัวประมวลผลของ Samsung เเล้วคงยังจำได้เกี่ยวกับรายละเอียดของ Exynos 4212 ที่เป็นการลดสถาปัตยกรรมการผลิตจาก 45 เหลือ 32 นาโนเมตร เเละ Exynos 4412 ที่คาดว่าจะเหมือนกับ Exynos 4210 เเต่เพิ่มไปเป็น 4 คอร์ เหมือนกับ NVIDIA Tegra 2 ไปเป็น Tegra 3 ล่าสุดนี้มีสไลด์โรดเเมปของ Exynos ซีรีย์ 5 ออกมาโดยมีรายละเอียดในสไลด์ว่า จะเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมเเบบ ARM Cortex A15 เเทน A9 ที่ใช้ในปัจจุบัน เเละเปลี่ยนตัวประมวลผลกราฟฟิคไปเป็น Mali T-604 โดยจะเริ่มต้นที่ความเร็ว 2 GHz โดยซีพียูจะเริ่มต้นที่เเบบ dual-core เเละจีพียูเป็น 4 คอร์เช่นเดิม เเละใช้สถาปัตยกรรมการผลิตเเบบ 32 นาโนเมตร เเต่ใครที่คิดว่าจะได้ใช้ในปีนี้นั้นอาจจะต้องฝีนค้างไปก่อน เพราะตอนนี้ที่เห็นจาก Dev Board ยังมีขนาดใหญ่มาก กว่าจะลดขนาดการผลิตให้ลงในขนาดของมือถือหรือเเท็บเล็ตได้คงอีกนาน ในปีนี้เราคงเห็น Exynos 4212 เเละ Exynos 4412 บน Galaxy S III หรือ Galaxy รุ่นอื่นๆ ไปก่อน

จากปี 2011 ที่ผ่านมา ตลาดของแอ็พสำหรับท่องเว็บไซต์ หรือบราวส์เซอร์กระโดดเติบโตแข่งขันกันแบบนัวเนียเลยทีเดียว เพราะยักษ์ใหญ่ๆ ก็หันมากระโดดแย่งชิงความเป็นเบอร์ 1 กันทั้ง ทั้ง Microsoft, Apple, Google และ Mozilla ฟังชื่อดูแล้ว ก็คงรู้ว่า Mozilla ดูเป็นอะไรที่เหมือนจะเล็กที่สุดในกลุ่มทั้ง 4 ข้างต้น แต่ว่าจริงๆแล้ว ความนิยมแอ็พ Firefox จาก Mozilla นั้นเยอะเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว เป็นรองแค่ Microsoft เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า Mozilla ก็จะตามไล่บี้กับตัวเลขเวอร์ชั่นของแอ็พกับชาวบ้านชาวช่องเค้าอยู เพราะว่าส่วนใหญ่ตอนนี้เข้ากระโดดข้ามเลข 9 กันไปหมดแล้ว และตอนนี้ Mozilla ก็จัดเลข 11 ออกมาแล้ว เป็นตัวเลขล่าสุด แต่จริงๆแล้ว Mozilla ต้องการหยุดเล่นเกมปั่นกระแสเลขเวอร์ชั่นแล้ว เพราะว่ายิ่งเล่นก็มีแต่ยิ่งเหนื่อยล้า โดย Mozilla จะใช้แผนใหม่มาเล่นแทน โดยมีทั้งหมดด้วยกัน 2 วิธีคือ อันแรก จะปรับเปลี่ยนความเข้ากันได้ของ add-on ต่างๆที่ผู้ใช้โหลดมาใช้งานร่วมกับตัว Firefox อย่างเช่น add-on ที่สามารถใช้งานได้กับ Firefox 11 ก็จะสามารทำงานได้บน Firefox ที่ใหม่ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4 ขึ้นไป ทำให้จากที่

หลายๆ คนน่าจะรู้จักกับชื่อ Thunderbolt กันแล้ว หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัวพอร์ทชนิดนี้ออกมาครั้งที่เปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอะไรที่ล้ำหน้ากว่า USB 3.0 ซะอีก และ Intel ก็บอกอีกด้วยว่าจะมีการเปิดตัวมาใช้กับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นๆมากขึ้นในปลายปีนี้  เทคโนโลยี Thunderbolt นี้เปิดตัวมากว่าปีแล้ว ถือเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตัวมันเองสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงมาก เรียกว่าเทียบกับของเดิมแล้วมากว่าตั้งไม่รู้กี่สิบเท่า ตามตัวเลขระบุเอาไว้ว่า 10Gbps ขนาดว่าถ่ายโอน Blu-ray ทั้งแผ่น ในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง โดยเป็นการร่วมพัฒนากันระหว่าง Apple และ Intel  แต่จริงๆแล้ว เทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำเสนอเปิดตัวออกมาครั้งแรกจะเป็นการใช้สายแบบ fiber optic ที่จะใช้แสงในการเป็นตัวกลางถ่ายโอนข้อมูล แต่ Thunderbolt ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ หรืออย่างบนเครื่องของ Apple นั้น จะเป็นการใช้สายทองแดงแทน เนื่องด้วยราคาต้นทุนของสาย fiber optic นั่นเอง ซึ่งข้อเสียก็คือจะทำให้ระยะความยาวของสายนั้นสั้น ได้ยาวสูงสุดแค่ 6 เมตรเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นการใช้สาย fiber optic จะได้ไกล

และแล้วก็ใกล้จะมาถึงวันที่เหล่านักพัฒนาแอพมือถือในประเทศไทยรอกันอยู่ซักที นั่นก็คือวันที่ Microsoft จะรับแอพจากประเทศไทยให้ขึ้นไปอยู่บน Marketplace ของ Windows Phone โดยได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก็จะเปิดรับแอพจากประเทศต่างๆทั่วโลกเพิ่มมาอีก 23 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทยของเรานี่เอง ดังนั้นเหล่านักพัฒนาแอพชาวไทยที่อยากขายแอพของตนบน Marketplace ของ Windows Phone ก็เตรียมตัวกันได้แล้วจ้า โดย 23 ประเทศนอกจากไทยแล้ว ก็มีตัวอย่างเช่น จีน, อิรัก, อิสราเอล, ตุรกี และเวียตนาม ซึ่งจากการที่ Microsoft จะเริ่มรับแอพจากไทยนั้น ก็อาจจะเป็นสัญญาณได้ว่าใน Windows Phone 7.5 Refresh นั้น อาจจะมีภาษาไทยมาพร้อมใช้งานเลยก็เป็นไปได้นะ

นับวันจะยิ่งได้เห็น External HDD ความจุมากขึ้นทุกที ล่าสุดได้ขึ้นไปถึงระดับ 4 TB กันเข้าไปแล้ว สำหรับ Western Digital My Book Thunderbolt Duo ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆในงาน CES เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งจุดเด่นของมันนอกจากความจุที่มีให้เลือกทั้ง 4 TB และ 6TB ก็ยังมีอีกข้อที่มาพร้อมชื่อ นั่นคือมีพอร์ต Thunderbolt อยู่ด้วยในตัว ทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 10 Gb/s แถมยังมีพอร์ต Thunderbolt มาให้ถึง 2 พอร์ต โดยอีกพอร์ตนั้นออกแบบมาให้ใช้สำหรับการต่ออุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมเข้าไปได้อีก ส่วนภายในนั้นจะมี HDD อยู่ด้วยกัน 2 ลูก (ลูกละ 2 TB กับลูกละ 3 TB) ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้มีการเชื่อมต่อกันภายในเป็น RAID 0 (ต่อกันเพื่อเพิ่มขนาดและความเร็ว) หรือ RAID 1 (ลดขนาดลงครึ่งหนึ่งเพื่อใช้อีกลูกในการ backup ข้อมูลของอีกลูก) โดยราคามีดังนี้ 4 TB ราคา $599.99 (19,000 บาท) 6 TB ราคา $699.99 (21,700 บาท) ใครต้องการ External HDD ใหญ่ๆ เร็วๆ และมีพอร์ต Thunderbolt ก็เตรียมเก็บเงินได้เลยจ้า

ใครหลายคนคงยังนึกหน้า Windows 8 กันไม่ออกเลย ว่ามันจะออกมาเป็นในรูปแบบไหน เปลี่ยนแปลงหน้าตาให้สวยขึ้น เหมือนกันกับที่เคยทำให้ Windows XP ไปเป็น Vista รึเปล่า แล้วก็การใช้งานก็ยังคงเหมือนๆเดิม มีหลักการทำงานแบบเดิมๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆแบบนั้นสักเท่าไหร่ ใครหลายคนที่ได้ลองเล่นแล้วก็น่าจะพอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้  อย่างแรกที่อาจจะเป็นจุดสังเกตใหม่ๆ ได้เลยคือ มันไม่มีปุ่ม Start อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าผู่้ที่ได้ลองใช้ ที่ปกติก็ใช้ Windows อยู่แล้ว และค่อนข้างรู้จัก Windows เป็นอย่างดี จะไม่ได้เดือดร้อนกับการเปลี่ยนแปลงจุดนี้สักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าจะสามารถทำความเข้าใจกับมันได้ไม่ยากนัก สำหรับหน้าตาแบบใหม่นี้ แต่กับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้เก่งระบบ Windows มาจากนัก ก็คงจะเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย อย่างตามตัวอย่างด้านล่างนี้ ที่จับเอาผู้ใช้งาน Windows ที่ใช้อยู่เป็นประจำมาลองใช้ Windows 8 เป็นครั้งแรก ถ้าคนที่รู้ระบบดี อาจจะกดปุ่ม Windows ที่บนแป้นคีย์บอร์ดเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ แต่กับคนทั่วไปส่วนใหญ่นั้น มันไม่ได้ง่ายอย่างนั

มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทาง Strategy Analytics ที่มีกลุ่มตัวอย่างมาจากทั้งกลุ่มประเทศ UK และ US โดยมีกว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่างกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่จอใหญ่กว่าที่ตนกำลังใช้งานอยู่ โดยการใช้งานหลักๆ ของกลุ่มตัวอย่างก็คือเปิดหน้าเว็บ, ดูไฟล์วิดีโอ, ใช้งาน video conference รวมไปถึงใช้ในการเล่นเกมด้วย โดยเฉพาะกลุ่มของเครื่องที่ใช้งาน Android ที่ต้องการจอใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงของขนาดจอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ 4 – 4.5 นิ้ว ซึ่งเริ่มจะกลายเป็นขนาดยอดนิยมของเครื่องรุ่นใหม่ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว แล้วชาว SP ล่ะ คิดว่าขนาดจอเท่าไรที่เหมาะกับการใช้งานของแต่ละท่านกันบ้าง

ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับ Mozilla กันไปแล้ว ที่เตรียมทำแอ็พ browser ชื่อดังอย่าง Firefox ออกมาสำหรับเวอร์ชั่นของ Metro บน Windows 8 และนักพัฒนาของ Mozilla ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่าตอนนี้เริ่มพัฒนาตัวแอ็พแล้ว ยังไงก็คงจะได้เห็นกันแน่นอน แค่ยังไม่แน่ใจว่าจะเสร็จออกมาให้เห็นกันได้เมื่อไหร่ และก็ดูเหมือน Microsoft เองก็จะกำลังพัฒนาระบบ browser ของตัวเองใน Windows 8 ด้วย แม้ว่าตัวระบบ Windows 8 จะสามารถรองรับแอ็พเก่าๆที่ทำงานบน Windows 7 ได้อยู่แล้ว แต่ก็จะเป็นการใช้งานในรูปแบบเดิมๆ แต่กับรูปแบบ Metro ก็จะเป็นอีกเรื่อง เพราะว่าจำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ให้สามารถรองรับการใช้งานด้วยนิ้วแบบเครื่อง mobile ให้ได้ดีมากขึ้น เพราะมีหลายฟีเจอร์ใหม่ที่จำเป็นต้องเขียนขึ้นมาให้เข้ากันได้กับตัวระบบ  ซึ่งถือเป็นการแบ่งแอ็พที่จะทำงานบน Windows 8 เป็น 2 ประเภทแต่ตามเอกสารที่ Microsoft เปิดเผยออกมาเกี่ยวกับการพัฒนาแอ็พบนรูปแบบ Metro ใหม่นี้ เราจะสามารถใช้งานแอ็พได้ทั้งบนรูปแบบ desktop แบบเดิม และ Metro ได้ด้วยแอ็พตัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยก แม้ว่าถึงตอนนี้ Internet Explorer 10 บน Windows 8

ถึงแม้ว่า Apple และ Google จะมีข้อขัดแย้งกันในหลายๆ กรณี แต่เบื้องลึกแล้วทั้งคู่ต่างก็มีผลประโยชน์กันและกันอยู่ โดยมีนักวิเคราะห์ออกมาให้ความเห็นว่า Apple เองน่าจะได้รับเงินจาก Google ถึงกว่า 1 พันล้าน USD เลยทีเดียว โดยเงินส่วนนั้นก็มาจากค่าจ้างที่ Google จ่ายให้ Apple เพื่อให้ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พกพา เช่น iPhone และ iPad ให้ใช้ Google Search เป็น Search Engine หลักของเครื่อง ซึ่งจากการใช้งาน Google บนอุปกรณ์ของ Apple นั้น สามารถทำรายได้ทั้งหมดกว่า 1.3 พันล้าน USD โดยตามสัญญาแล้ว Google จะได้ส่วนแบ่งราวๆ 335 ล้าน USD ด้วยกัน ซึ่งถ้านับจริงๆ มันก็เป็นเพียงแค่ไม่ถึง 1% ของรายได้รวมทั้งหมดที่ Google ทำได้ต่อปีเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังให้ความเห็นอีกว่า ถ้า Google ตั้งใจจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในส่วนนี้อีก อาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ Google ต้องลงทุนอีกต่างหาก (แต่เอาจริงๆ แค่นี้ก็มากพอแล้ว)

ช่วงนี้ Microsoft ออกมาโชว์เทคโนโลยีของตนที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาหลายตัวเลยทีเดียว เนื่องด้วยมีการจัดงาน TechFest 2012 อยู่ ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี Text-to-speech ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นมาโชว์ให้เราได้เห็นกัน โดยมันสามารถแปลงข้อความที่เราพิมพ์ให้เป็นเสียงพูดของเราในอีกภาษาหนึ่งได้ เช่น เราพิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษไป ระบบก็จะแปลงให้เป็นภาษาสเปนแล้วพูดออกมาเป็นเสียงของเราเอง แต่ทั้งนี้ก่อนจะทำงานได้ก็ต้องให้ระบบเรียนรู้และจดจำเสียงของผู้ใช้ก่อนซักประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยกัน ซึ่งระบบนี้สามารถแปลและพูดได้กว่า 26 ภาษา แต่ไม่แน่ชัดว่ามีภาษาไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าระบบนี้สามารถนำออกมาใช้ได้จริงเมื่อไร ปัญหาเรื่องการสื่อสารน่าจะลดลงไปได้มากแน่นอน

ก่อนหน้านี้ที่ Rovio ได้เปิดเทรลเลอร์ถึง Angry Birds Space ภาคใหม่สุด ก็มีเทรลเลอร์ชุดสองออกมาเเล้ว ซึ่งคราวนี้ได้เพิ่มระบบของเกมรูปเเบบใหม่มาให้เห็นด้วย จากตัวอย่างการเล่นเกมที่เห็นในวีดีโอนั้น จะพบว่าสภาพฉากได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นระบบเเบบไร้น้ำหนัก เเละระบบเเรงดึงดูดร่วมกัน (สังเกตได้จากอนิเมชันวงกลมวิ่งเข้าศูนย์กลาง)เเล้วเเต่บางพื้นที่ของฉาก เเละนกในภาคเก่าๆ นั้นได้ถูกปรับความสามารถให้เหมาะกับระบบการเล่นเเบบที่กล่าวมา รวมไปถึงเพิ่มนกชนิดใหม่คือ Ice Bird ที่เปลี่ยนวัตถุเป็นน้ำเเข็งเพื่อให้นกตัวต่อไปทำลายสิ่งกีดขวางเข้าหาเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยสามารถดูตัวอย่างระบบการเล่นได้ในวีดีโอนาทีที่ 3.07 เป็นต้นไป นอกจากนี้เเล้วทาง Samsung ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Angry Birds Space ครั้งนี้ ลูกค้าของ Samsung Galaxy ทุกรุ่นจะได้ด่านพิเศษ Danger Zone เพิ่มโดยมีทั้งหมด 30 ด่าน พร้อมกับนกชนิดใหม่คือ Lazer Bird ซึ่งปกติ Danger Zone นั้นจะเป็นด่านที่ต้องจ่ายผ่าน in-app purchase ซึ่งสามารถซื้อได้เมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือนหลังจากที่ปล่อยให้ดาวโหลดเเล้ว ลองดูตัวอย่างด่านพิเศษจากวีดีโอด้านล่างครับ ตามกำห

ในงาน MWC 2012 ที่ผ่านมา Sony ได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมชิ้นใหม่ให้กับสมาร์ทโฟนของตนนั่นคือ Sony Smart Headset ที่ถึงแม้หน้าตาและฟังก์ชันจะดูเหมือนหูฟังรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง LiveSound ที่ Sony Ericsson ออกแบบมาเป็นหูฟังสำหรับสมาร์ทโฟนของตนเมื่อปีที่แล้ว แต่แน่นอนว่ามันต้องมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาบ้าง ซึ่งส่วนที่เพิ่มขึ้นมาก็คือมีการเปลี่ยนจากความเป็นแจ๊ค 3.5 มิลลิเมตรธรรมดาให้มารองรับมาตรฐาน CTIA ในการส่งข้อมูลด้วย ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆสามารถใช้เจ้า Sony Smart Headset ได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับใช้เครื่องของ Sony เอง ( รุ่นที่รองรับ ) แต่ทั้งนี้ใช่ว่าสมาร์ทโฟนของ Sony ทุกเครื่องจะรองรับนะครับ เพราะรุ่นที่จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ได้อย่างเต็มที่จะต้องเป็นเครื่องที่เปิดตัวในปีนี้เป็นต้นไปเท่านั้น ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นบรรดา Sony Xperia S, P และ U นั่นเอง และอีกสิ่งที่ถือเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็คือปุ่ม SmartKey ที่เมื่อกดแล้ว จะสามารถเรียกใช้งานแอพที่เราตั้งค่าเอาไว้ได้ในทันที เช่นใครชอบเล่น Facebook บ่อยๆ ก็ตั้งค่าให้เปิด Facebook เมื่อกดปุ่ม SmartKey เท่านี้ก็สามารถเล่น Facebook